ส่องธุรกิจเครื่องสำอาง เวียดนาม!

ประเทศเวียดนาม

เวียดนามถือเป็นอีกหนึ่งประเทศอันดับต้นๆ ที่น่าลงทุนและมาแรงในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากเต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และยังได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าต่างๆ มากมายจึงเป็นปัจจัยดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปทำการค้าหรือลงทุนในเวียดนาม

นอกจากนี้รัฐบาลเวียดนามยังค่อนข้างเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนต่างชาติ ทำให้นักลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันจะมีนักลงทุนจากประเทศต่างๆ ทั้งในยุโรปและเอเชียเข้าไปลงทุนในเวียดนามเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยจำนวนประชากรที่มีมากกว่า 90 ล้านคน และร้อยละ 60 เป็นคนวัยหนุ่มสาวที่มีกำลังซื้อ และนิยมสินค้าที่มีคุณภาพระดับกลางถึงระดับบน รวมไปถึงสินค้าฟุ่มเฟือย จึงทำให้ยังมีช่องว่างอีกมากสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ๆ

สำหรับตลาดความสวยความงามในเวียดนาม แต่ก็ถือว่าเป็นประเทศที่มีสัดส่วนตลาดความงามที่น่าสนใจคือ เครื่องสำอางมีมูลค่าการนำเข้าสูงที่สุดในบรรดากลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามอื่นๆ และหากมองลึกลงไปในกลุ่มสินค้าเครื่องสำอาง พบว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ครีมกันแดด และโลชั่น ได้รับความนิยมมากที่สุด

ปัจจุบันตลาดความงามเวียดนามมีสัดส่วนนำเข้า 90% และอีก 10% ผลิตภายในประเทศ ซึ่งสินค้าที่นำเข้าจะจับกลุ่มกลาง-บน ส่วนที่เหลือเป็นธุรกิจความงามภายในประเทศ จับตลาดล่างเป็นหลัก เนื่องจากสินค้าและบริการภายในประเทศไม่มีเงินทุนในการพัฒนาและวิจัยสินค้าบริการ ขาดแคลนนวัตกรรม การโฆษณา และการตลาด

ด้านตลาดออนไลน์ของเวียดนาม 50% ของสินค้าอุปโภคและบริโภคที่คนนิยมซื้อบนโลกออนไลน์คือ สินค้าความงาม ซึ่งเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวหน้าเป็นที่นิยมมากที่สุด โดยสินค้ากลุ่มความงามเป็นตลาดที่กำลังหอมหวนมากในเวียดนาม ใครที่สามารถเข้าไปตลาดได้ก่อน ย่อมสร้างการรับรู้และความรู้เกี่ยวกับแบรนด์ได้ก่อน นำเทรนด์ตลาดได้ สำหรับในปี 2560 ที่ผ่านมา ชาวเวียดนามซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิวนำเข้าจากต่างประเทศรวม 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 198,000 ล้านบาท สูงกว่าปี พ.ศ. 2559 ถึง 3 เท่า และคาดว่าในปี 2561จะสูงขึ้นอีกกว่าเท่าตัว

3 เทรนด์ โอกาสของแบรนด์ไทย

เทรนด์แรก: Upgraded Demand คือ สินค้าและบริการกลุ่มไฮเอนด์เติบโตมากขึ้นในเวียดนาม จำนวนรถยนต์มีจำนวนเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 30 ใน 3 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในเวียดนามมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์ส่วนตัว และใช้บริการอินเทอร์เน็ต

เทรนด์สอง: Women are more conscious about beauty health โดยผลวิจัยพบว่า ผู้หญิงต้องการความภาคภูมิใจในตนเองเพิ่มขึ้น แฟนหรือสามีอยากให้ตนเองดูดี จะได้ไม่เสียหน้า เวลาพาไปพบเพื่อน ความสวยช่วยสร้างความมั่นใจ และสร้างความประทับใจให้แก่คนที่พบเห็น

เทรนด์สาม: the Y Generation คือ คน Gen Y เริ่มหันเข้าสู่วัฒนธรรมห้าง หมายถึงอะไรๆ ก็ไปห้างสรรพสินค้า โดย Gen Y เริ่มเสพติดการท่องเที่ยว และใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น พร้อมเกาะติดกระแสต่างๆ ทั้งเรื่องแบรนด์ ความคิดใหม่ เทรนด์ใหม่ หรือ Net Idol หรือ Icon เป็นที่ยอมรับมากขึ้น รวมทั้งเสพสินค้าตามกระแสภาพยนตร์

4. สิ่งที่ควรรู้ ในธุรกิจความงามในเวียดนาม

เน้นคุณภาพและความปลอดภัย ผู้บริโภคเวียดนามให้ความสนใจและความสำคัญต่อฉลาก ประเทศที่ผลิตมาก กระแสการรักษาสุขภาพ ข่าวลือและของปลอมที่มีส่วนผสมสารอันตราย ดังนั้น แบรนด์หรือบริษัทที่ก่อตั้งมานาน หรือมีเสียงในตลาดจะได้เปรียบในตลาด

อย่ามองข้าม กระแสนิยม กระแสส่วนผสมจากธรรมชาติ เป็นกระแสหลักทั่วโลก จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับตลาดเวียดนาม ที่ผู้บริโภคก็อิงจากกระแสนี้เช่นเดียวกัน

ข้อเสนอที่แตกต่าง สิทธิพิเศษ นโยบายการค้าระหว่างประเทศไทยและเวียดนาม ทำให้นักธุรกิจไทยได้รับสิทธิพิเศษมากมายด้านภาษี ดังนั้น การเข้าตลาดเวียดนามไม่ต้องกังวลเรื่องคู่แข่งในประเทศ แต่สิ่งที่จะสร้างความโดดเด่นนั่นคือ ประเภทของสินค้าหรือบริการควบคู่ไปกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะนำเสนอไปยังผู้บริโภคได้อย่างแตกต่างและน่าสนใจกว่า

อย่าลืมสื่อสารบนโลกออนไลน์ การสื่อสารแบรนด์บนโลกออนไลน์ในเวียดนามเป็นสิ่งจำเป็น เพราะผู้บริโภคชาวเวียดนามใช้ในการแสวงหาข้อมูล อ่านรีวิว เข้าถึงข้อมูลด้านราคา สถานที่จัดจำหน่ายบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มบิวตี้บล็อกเกอร์และเว็บขายของออนไลน์ในเวียดนามก็กำลังเติบโตขึ้น ดังนั้น นักธุรกิจไม่ควรมองข้ามกลุ่มนี้ เพื่อให้ครอบคลุมทุกช่องทางการรับรู้ของผู้บริโภค

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

0